เมนู

และเป็นคติของทุกข์ ไม่ใช่วินิบาต เพราะไม่ตกลงเช่นกับอสูร. ชื่ออสุรกาย
ด้วยวินิปาตศัพท์. ก็อสุรกายนั้นเป็นทั้งอบาย เป็นทั้งทุคติ เพราะอรรถ
ตามที่กล่าวแล้ว ท่านเรียกว่า วินิบาต เพราะตกไปทั้งร่างกาย. ท่านกล่าวนรก
มีประการมากมาย มีอเวจีเป็นต้น ด้วยนรกศัพท์. แต่ในที่นี้ท่านกล่าวถึงนรก
อย่างเดียวแม้ด้วยทุก ๆ บท. บทว่า อุปฺปชฺชนฺติ ได้แก่ ถือเอาปฏิสนธิ.
คาถาที่หนึ่งในคาถาทั้งหลาย พระธรรมสังคาหกเถระได้จัดไว้แล้ว
ในสังคีติกาล (เวลาทำสังคายนา). บทว่า ญตฺวาน เป็นบุพพกาลกิริยา
จริงอยู่ ญาณก่อนเป็นพยากรณ์. อีกอย่างหนึ่ง ญตฺวาศัพท์ มีเนื้อความ
เป็นเหตุ เหมือนประโยคว่า สีหํ ทิสฺวา ภยํ โหติ ภัยย่อมมีเพราะเห็น
สีหะ ดังนี้. อธิบายว่า เพราะความรู้เป็นเหตุ. บทว่า พุทฺโธ ภิกฺขูน
สนฺติเก
ความว่า พระพุทธเจ้าผู้มีพระภาค ทรงพยากรณ์เนื้อความที่พระองค์
ตรัสด้วยสองคาถาเบื้องต้นนั้น แก่ภิกษุทั้งหลายในสำนักของพระองค์. บทที่
เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วนั่นแล.
จบอรรถกถาปุคคลสูตรที่ 10
จบอรรถกถาทุติยวรรคที่ 2

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ


1. โมหสูตร 2. โกธสูตร 3. มักขสูตร 4. โมหสูตร
5. กามสูตร 6. ปฐมเสขสูตร 7. ทุติยเสขสูตร 8. เภทสูตร 9. โมทสูตร
10. ปุคคลสูตร และอรรถกถา.

อิติวุตตกะ เอกนิบาต วรรคที่ 3


1. จิตตฌายีสูตร


ว่าด้วยจิตผ่องใสย่อมไปสวรรค์


[199] จริงอยู่ พระสูตรนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว พระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับ
มาแล้วว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากำหนดรู้จิตของบุคคลบางคนในโลกนี้ผู้มี
จิตผ่องใสด้วยจิตอย่างนี้แล้ว ถ้าในสมัยนี้บุคคลนี้พึงทำกาละไซร้ เขาพึงเกิด
ในสวรรค์ เหมือนเชิญมาไว้ ฉะนั้น ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะจิตของเขา
ผ่องใส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเหตุแห่งจิตผ่องใสแล สัตว์บางพวกใน
โลกนี้ เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์.
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มี-
พระภาคเจ้าตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า
พระพุทธเจ้าทรงทรามบุคคลบางคน
ในโลกนิมีจิตผ่องใส ได้ทรงพยากรณ์เนื้อ
ความนี้แก่ภิกษุทั้งหลาย ในสำนักของพระ
องค์ว่า ถ้าในสมัยนี้ บุคคลนี้พึงกระทำ
กาละไซร้ บุคคลนี้พึงเข้าถึงสุคติ เพราะ
จิตของเขาผ่องใส เขาเป็นอย่างนั้นเหมือน
เชิญมาฉะนั้น เพราะเหตุแห่งจิตผ่องใสแล
สัตว์ทั้งหลาย ย่อมไปสู่สุคติ.

เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้า
ได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล.
จบจิตตฌายีสูตรที่ 1